รายละเอียด
สนามบินย่างกุ้ง ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของตัวเมืองย่างกุ้ง 15 กิโลเมตร (เวลาท้องถิ่นที่พม่าช้ากว่าไทยครึ่งชั่วโมง) หลังผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากรแล้ว นำท่านเดินทางสู่ตัวเมืองย่างกุ้งโดยรถโค้ชปรับอากาศ
เที่ยง - บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 1) เมนูเป็ดปักกิ่ง+สลัดกุ้งมังกร
พระพุทธไสยาสน์เจ้าทัตจี หรือ พระตาหวาน เป็นพระนอนปางพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ มีความยาวกว่า 70 เมตร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2442 และแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ.2450 โดยเศรษฐีพม่านามว่า “โบตา” และได้รับการบูรณะสร้างใหม่ ขึ้นในปี พ.ศ.2493 เนื่องจากเกิดความเสียหายจากสภาพอากาศ วัดพระตาหวาน ตั้งอยู่อยู่ในตัวเมืองย่างกุ้ง คนไทยส่วนใหญ่รู้จักในชื่อ พระนอนตาหวาน เพราะนอกจากดวงตาที่สวยงามแล้ว ยังมีขนตาที่งอนงาม ส่วนลูกนัยน์ตา ทำด้วยแก้วที่สั่งผลิตเป็นพิเศษจากประเทศญี่ปุ่น ทำให้มองดูแล้วเหมือนมีชีวิตราวกับมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ภายใน ใต้พระบาทที่วางไว้ไม่เสมอกันนั้นมีการวาดลวดลายสวยงามว่าด้วยสิ่งที่เป็นมงคล ประกอบด้วย ธรรมจักร มงคล 108 ประการ ทีแสดงโลกทั้ง 3 คือเครื่องหมาย 59 ประการแสดงถึงอากาศโลก เครื่องหมาย 21 ประการ แสดงถึงสัตว์โลก และเครื่องหมาย 28 ประการ แสดงถึงสังขารโลกและยังมีเครื่องหมายพระเจ้าจักรพรรดิรวมอยู่ในนั้นด้วย
เจดีย์โบตาทาวน์ เจดีย์โบตาทาวน์ แปลว่า ทหาร 1,000 นาย โดยมีความเชื่อเล่าต่อๆกันมาว่าเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้วพระเจ้าโอกะลาปะกษัตริย์มอญ ได้ให้ทหาร 1,000 นาย ตั้งแถวถวายความเคารพพระเกศาธาตุ (สารีริกธาตุ) ที่อันเชิญมาจากอินเดียโดยนายวาณิชสองพี่น้องอัญเชิญมาทางเรือและมาขึ้นฝั่งเมืองตะเกิงหรือเมืองดากอง ณ บริเวณนี้ เพื่อนำไปบรรจุไว้ที่มหาเจดีย์ชเวดากอง และทรงบรรจุเส้นพระเกศาธาตุไว้ 1 เส้น ในเจดีย์นี้ วันเวลาผ่านไป ได้มีการบูรณะซ่อมแซมเจดีย์ ผลจากความเสียหายในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งปรากฏว่า ไปพบของมีค่าหลายอย่างภายในเจดีย์ จึงสร้างโครงสร้างใหม่ขึ้นมาในปี พ.ศ.2496 และได้นำพระเกศาธาตุ มาครอบแก้วใสไว้ ใจกลางเจดีย์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สามารถมองเห็นเส้นพระเกศาธาตุได้ ภายในเจดีย์เป็นสีทองอร่ามสวยงาม และมีทางเดินภายในเจดีย์ให้สามารถเดินชมความสวยงามของเจดีย์อีกด้วย
นัตโบโบยี เทพทันใจ ซึ่งเป็นหนึ่งในนัตที่ชาวพม่านับถือมากที่สุดซึ่งชาวพม่ารวมถึงชาวไทยนิยมไปกราบไหว้บูชา ด้วยที่เชื่อว่าเมื่ออธิษฐานสิ่งใดแล้วจะสมปรารถนาทันใจการสักการะรูปปั้นเทพทันใจ (นัตโบโบจี) เพื่อขอสิ่งที่ตนปรารถนา วิธีสักการะ และขอพร เทพทันใจ จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการเรื่องของสักการะอยู่ด้านหน้าของวัด ซึ่งจะประกอบไปด้วย มะพร้าว กล้วย ใบแห่งชนะ ผ้าคล้องคอ ร่มฉัตรกระดาษ ดอกไม้ ซึ่งสิ่งของเหล่านี้เป็นสิ่งที่นิยม นำมาถวายเทพทันใจ ส่วนวิธีการขอพร นิยมนำ ธนบัตร 2ใบ ม้วนเป็นกรวย ซ้อนกัน 2 ใบ นำไปเสียบไว้ในมือของเทพทันใจข้างที่ชี้ตรงมา โดยเอาหน้าผากแตะไปที่นิ้วชี้มือที่เทพทันใจชี้มาพร้อมอธิษฐาน ตามสิ่งที่ตนเองปรารถนา เมื่อเสร็จแล้วจึงดึงนำธนบัตรออกมา 1 ใบ เพื่อความเป็นสิริมงคล (วิธีการอธิษฐานให้ได้ผลดี ให้ท่านขอเพียงข้อเดียวที่ท่านอยากจะได้มากที่สุด)
เทพกระซิบ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามเจดีย์โบตาทาวน์ เป็น 1 ใน นัตหรือผีหลวง 37 ตนที่ชาวพม่าเคารพนับถือมาก มีตำนานเล่าว่านางเป็นธิดาของพญานาคที่เกิดศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ หลังจากนางสิ้นชีพในปี ค.ศ. 1957 จึงได้กลายมาเป็นนัตหรือเทะที่ชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมาเนิ่นนาน
เลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง ณ ตลาดสก๊อต หรือเรียกอีกอย่างว่าตลาดโบยกอองซาน เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดในพม่าเป็นศูนย์รวมของฝากทุกชนิด อาทิเช่น เสื้อผ้า ของที่ระลึกต่างๆ เครื่องเงิน, อัญมณี , ไม้แกะสลักพระพุทธรูป เทวรูปที่ทำด้วยไม้จันทน์, เครื่องแกะสลัก, เครื่องลงรักปิดทองต่างๆ, ถ้วยชามกังไสจีนโบราณ, โคมไฟแก้ว และแจกันเจียระไนโบราณ, นาฬิกาข้อมือเก่า, ผ้าไหมลายต่างๆ (**ช่วงเทศกาลสงกรานต์ตลากสก๊อตปิดนะคะ**)
พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (พระธาตุประจำปีเกิดปีมะเมีย 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดของพม่า)เป็นเจดีย์ทองคำสีทองเหลืองอร่าม อยู่บนเนินเขาเสนคุตตระ (Singuttara Hill) นานเกือบ 2,500 ปี มีตำนานเล่าว่า เจดีย์ชเวดากองเกิดขึ้นตั้งแต่พุทธกาล เมื่อสองพี่น้องตะปุสสะและภัลลิกะ เดินทางไปค้าขายที่อินเดียและเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาจนปวารณาตนเป็นอุบาสกคู่แรกในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าจึงประทานเส้นพระเกศาให้ 8 เส้น ทั้งสองจึงนำกลับมาประดิษฐานที่เมืองย่างกุ้งหรือเมืองอสิตันชนะ โอกาละในอดีต และบรรจุในเจดีย์สูงเพียง 9 เมตรที่ทำจาก ทอง เงิน ดีบุก ทองแดงตะกั่ว หินอ่อน และเหล็ก ต่อมาพระเจ้าแผ่นดินเมืองมอญและพม่าหลายองค์ได้เสด็จมาบูรณะและก่อเจดีย์ใหม่ครอบเจดีย์ถึง 7 ครั้ง เช่น พระนางชินซอว์บู (Queen Shin Sawbu) แห่งหงสาวดี ได้ถวายทองคำแท้เท่าน้ำหนักพระองค์ตีเป็นแผ่นทองหุ้มองค์พระธาตุไว้ ส่วนพระเจ้าธรรมเจดีย์ (Dhammazedi) ราชบุตรเขยของพระองค์ ส่วนในพระเจ้ามินดงแห่งมัณฑะเลย์ก็ทรงบูรณะยอดฉัตรใหม่แทนยอดฉัตรเก่าที่หักลงมาเพราะเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทำให้ปัจจุบันเจดีย์ชเวดากองมีความสูงถึง 122 เมตร ว่ากันว่า บนยอดฉัตรนั้นประกอบไปด้วยเพชรนิลจินดาและอัญมณีที่มีค่ามหาศาลสามารถมองเห็นแวววาวได้อย่างชัดเจนในยามค่ำคืน การเที่ยวชมเจดีย์ชเวดากองนั้นสามารถมาได้ทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืน โดยรอบฐานเจดีย์มีบันไดและประตูให้เลือกเดินขึ้นลงได้ 4 ทิศคือ เหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตก แต่ละทิศมีหลังคากันแดดกันฝนอย่างดี เจดีย์ชเวดากองยามกลางวันว่าสวยแล้ว ยามแสงกลางคืนนั้นอร่ามงามยิ่งกว่า สมกับน้ำหนักทองคำที่ห่อหุ้มองค์เจดีย์อยู่ 1,100 กิโลกรัม และเป็นที่มาของความหมายชเวดากองที่แปลว่า ทองแห่งเมืองดากอง
สถานที่สำคัญของพระมหาเจดีย์ชเวดากอง คือ ลานอธิฐาน ตั้งอยู่ด้านหน้าอาคารนิทรรศการ ทางทิศเหนือขององค์เจดีย์เป็นลานกว้างที่กษัตริย์ทุกพระองค์ของพม่าต้องมาขอพร ปัจจุบันเป็นจุดที่ผู้คนนิยมมากราบไหว้บูชาเจดีย์ชเวดากองโดยคุกเข่าหันหน้าเข้าหาองค์เจดีย์ สวดมนต์ตั้งใจอธิฐานเพื่อขอให้ได้ในสิ่งที่ปรารถนา นอกจากนี้รอบองค์เจดีย์ยังมีพระประจำวันเกิดประดิษฐานทั้งแปดทิศ รวม 8 องค์ ท่านสามารถสรงน้ำพระประจำวันเกิดของตัวเองได้ตามจุด โดยแต่ละจุดจะมีป้ายแสดงวันเกิดเป็นภาษอังกฤษและแสดงสัญลักษณ์ประจำวันเกิดเป็นรูปปั้นสัตว์ประจำวันเกิดให้อย่างชัดเจน
เย็น - บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 2)
ที่พัก SEDONA HOTEL//SHANGRILA HOTEL หรือเทียบเท่า ** เพื่อความสะดวกในการขนย้าย ควรเตรียมเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าใบเล็ก สำหรับค้าง 1 คืน บนพระธาตุอินทร์แขวน ส่วนกระเป๋าใบใหญ่จะฝากไว้บนรถบัส**
เช้า - บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 3)
เมืองหงสาวดี หรือ พะโค (ด้วยรถโค้ชปรับอากาศ) หงสาวดีอยู่ห่างจากเมืองย่างกุ้ง ประมาณ 80 กิโลเมตร ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของพม่ามาก่อนตั้งอยู่ใกล้เมืองเมาะตะมะ ทางตอนใต้ของประเทศพม่าซึ่งอยู่ทางใต้ของ เมืองแปร เมืองคัง ยะไข่ อังวะ พุกาม เขตหงสาวดี เป็นเมืองของชาวมอญมาก่อนในอดีตก่อนที่พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้จะยึดครองได้ ในปี พ.ศ. 2082 เมืองหงสาวดีเจริญรุ่งเรืองสุดขีดในรัชสมัยของพระเจ้าบุเรงนอง หงสาวดี หรือ พะโค มีตำนานเล่าว่า เมืองพะโคเดิมเป็นเกาะเล็ก ๆในอ่าวเมาะตะมะ เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จมาที่นี่ มีหงส์คู่ตัวผู้และตัวเมีย ได้เห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมา จึงต้องการที่จะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า และเล็งเห็นเกาะเล็กๆที่นี่ จึงบินมาเกาะ แต่พื้นที่เกาะ ก็เล็กเสียจนมีที่พอให้หงส์ร่อนลงมาพักได้เพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น หงส์เพศเมียจึงต้องอาศัยเกาะอยู่บนหลังของหงส์ตัวผู้ และพระพุทธเจ้าได้ตรัสกับหงส์คู่นี้ว่า ต่อไปภายภาคหน้าพื้นที่ ที่เจ้ายืนอยู่นั้นจะกลายเป็นพื้นที่ ที่ยิ่งใหญ่และเจริญรุ่งเรืองดั่งคำทำนายของพระพุทธเจ้าเมื่อรัชสมัยของพระเจ้าบุเรงนอง เมืองบะโก ก็ได้รุ่งเรืองและเป็นเมืองท่าที่สำคัญของประเทศพม่า จนถึงปัจจุบันเมื่อเดินทางถึงเมือง หงสาวดีจะสังเกตเห็นหงส์สองตัวซึ่งอาศัยอยู่บนหลังของหงส์ตัวผู้ และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองหงสาวดี
เจดีย์ไจ้ปุ่น พระเจ้าธรรมเจดีย์ทรงสร้างขึ้นในปี 1467 พระเจดีย์ก่อเป็นแกนทึบรูปทรงสี่เหลี่ยมอยู่ตรงกลาง มีพระพุทธรูปนั่งสูง 30 เมตรประดิษฐานอยู่สี่ทิศ แทนองค์สมเด็จพระสมณโคดม (หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ) กับพระอดีตพุทธเจ้าอีกสามองค์ อันได้แก่ พระโกนาคมน์ (หันพระพักตร์ไปทางทิศใต้) พระกกุสันธะ (หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก) พระกัสสปะ (หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตก) ซึ่งพระพุทธรูปกัสสปะนั้นชำรุดผุพังมาก เนื่องจากเกิแผ่นดินไหวในปี 1930 และได้บูรณะขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ.2019 มีตำนานว่า เจดีย์ไจ้ปุ่น สร้างโดยสี่สาวพี่น้องที่อุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนาสร้างพระพุทธรูปแทนตนเอง และสาบานตนและให้คำมั่นสัญญาไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ ต่อมาน้องคนสุดท้องได้ผิดคำสัญญา จึงเกิด อาเพส ฟ้าฝ่าองค์พระพุทธรูปตัวแทนองค์น้องพังทลายลงมา แม้แต่หากมีการซ่อมแซมบูรณะ มาแล้วหลายต่อหลายครั้งแล้ว ก็ยังไม่เคยสมบูรณ์
เจดีย์ชเวมอร์ดอร์ โบราณสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในใจกลางเมืองหงสาวดี ซึ่งได้บูรณะขึ้นโดยพระเจ้าบุเรงนอง (พระเจ้าบะยิ่นเนาน์)เพื่อบรรจุพระทันตธาตุของ พระพุทธเจ้า เพื่อเสริมบารมี อันถือว่าเป็นพระเจดีย์ที่สูงที่สุดในประเทศพม่า มีตำนานอยู่ว่า เมื่อนายวานิชพี่น้องนามว่ามหาศาลกับจุลศาเดินทางกลับมาจากอินเดีย ทั้งสองได้อันเชิญพระเกศธาตุของพระพุทธองค์มาด้วยสองเส้น เมื่อกลับมาถึงบ้านเกิดจึงได้สร้างสถูปเล็กๆ ทว่าก็ได้มีการสร้าเสริมองค์เจดีย์ให้ใหญ่ขึ้นอีกหลายต่อหลายครั้งจากกษัตริย์ที่ปกครอง(ปัจจุบันมีความสูงถึง 114 เมตร) ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของเจดีย์ชเวมอร์ดอร์จนเป็นที่เลื่องลือ ก่อให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาจากชาวมอญและพม่า ทำให้เจ้าชายตะปิ่นชเวตี้ทีมีพระชนมายุได้ 14 พรรษา ทรงเลือกเจดีย์ชเวมอร์ดอร์เป็นสถานที่ทำพิธีเจาะพระกรรณตามราชประเพณีก่อนขึ้นครองราชบัลลังก์ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าหงสานั้นคือเมืองมอญแต่พระองค์ก็บุกตะลุยเข้าไปยังองค์พระธาตุพร้อมด้วยทหารกล้าจำนวน 500 นาย ชนิดที่ศัตรูคาดไม่ถึง แถมยังฝ่าวงล้อมกลับเมืองตองอูโดยปลอดภัยและเมื่อพระองค์ยึดเมืองหงสาได้จึงรับสั่งให้ย้ายราชธานีจากตองอูมาอยู่ใต้ร่มเงาพระธาตุอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ก่อนออกทำศึกคราใด ก็จะเสด็จมาสักการะองค์พระธาตุทุกครั้งไม่ใช่แค่พม่าเท่านั้นที่มีความศรัทธาต่อเจดีย์ชเวมอร์ดอร์ ในสมัยที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชของไทยเสด็จไปเป็นตัวประกันที่เมืองหงสาวดีก็ทรงมาสักการะพระธาตุอยู่เสมอ ทั้งนี้ในปี ค.ศ.1930 ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้ยอดพระธาตุหักพังลงมา ก่อนจะได้รับการบูรณปฎิสังขรณ์จนแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1954 ส่วนยอด พระธาตุองค์เดิมที่หักลงมาได้ถูกนำไปประดิษฐานไว้ข้างองค์พระเจดีย์เพื่อให้พุทธศาสนิกขนได้กราบไหว้บูชาพระธาตุและพระพุทธรูปตามปกติก่อน จากนั้นค่อยนำธูปอีกชุดไปปักบนร่องอิฐของยอดพระธาตุ เพื่อให้อายุยืนและค้ำจุนพระพุทธศาสนา
พระราชวังบุเรงนอง หงสาวดีเจริญรุ่งเรืองสุดขีดในรัชสมัยของพระเจ้าบุเรงนอง โดยพระองค์ได้สร้างพระราชวังบุเรงนองขึ้นในปีพ.ศ. 2109 ชื่อ กัมโพชธานี เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางทางการปกครองและใช้ออกว่าราชการ สร้างโดยเกณฑ์ข้าทาสจากเมืองขึ้นต่างๆ โดยหนึ่งในนั้นมีเมืองเชียงใหม่และอยุธยารวมอยู่ด้วยจนถึงสมัยพระเจ้านันทบุเรงที่ครองราชย์ ภายหลังพระเจ้าบุเรงนองสิ้นพระชนม์พระเจ้านันทบุเรงจึ่งขึ้นครองราชย์ก็ได้ถูกศัตรูยกกองทัพมาตีหงสาวดีจนย่อยยับเมืองถูกทำลายโดยพวกยะไข่และตองอู จนถึงเวลานี้วันเวลาผ่านไปกว่า 400 ปี สิ่งที่รัฐบาลพม่าทำได้คือขุดเอาซากเสาขึ้นมาเก็บ และสร้างพระราชวังเลียนแบบของเดิมทับลงไป ตัวอาคารสร้างใหม่มี 2 ส่วน ส่วนแรกเรียกว่า “กามโบสะตาหริ” หรือ“กัมโพชธานี” เป็นส่วนที่เอาไว้ว่าราชการ และส่วนที่ 2 คือ “บัลลังก์ผึ้ง”เป็นส่วนที่บรรทม แต่ด้วยความที่รัฐบาลพม่าสร้างเลียนแบบจากของจริง ทำให้พระราชวังบุเรงนองที่เป็นสีเหลืองทอง (**ช่วงเทศกาลสงกรานต์พระราชวังบุเรงนองปิดไม่ให้เข้าชมนะคะ**)
เที่ยง - บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 4)… เมนูกุ้งแม่น้ำย่าง 1 ตัวต่อท่าน
คิมปูนแคมป์ (เชิงเขาไจ้เที่ยว)ระหว่างทางผ่านสะพานแม่น้ำสะโตง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถึง คิมปูนแค้มป์ หยุดพักเปลี่ยนรถเป็นรถบรรทุกหกล้อ เพื่อขึ้น บนภูเขาไจ้เที่ยว (ใช้เวลาเดินทางจากบริเวณนี้ ประมาณ 45 นาที เพื่อต่อขึ้นกระเช้า) **ราคารวมนั่งกระเช้าขาขึ้นถึงขาพระธาตุอินทร์แขวน** ท่านจะได้สัมผัสทัศนียภาพป่าเขาน้ำตกและลำธารอันสวยงามสองข้างทางพร้อมสัมผัสอากาศเย็นซึ่งจะค่อยๆ เย็นขึ้นเรื่อยๆ เพราะเรากําลังเดินทางสู่ที่สูง
เดินทางถึง โรงแรมที่พัก KYAITHIYO HOTEL หรือ เทียบเท่า นำท่านเช็คอิน จัดการเก็บสัมภาระเข้าที่พักให้เรียบร้อย
หลังจากนั้นนำท่านขึ้นนมัสการ พระธาตุอินทร์แขวน พระธาตุอินทร์แขวนนี้นับเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดของพุทธศาสนิกชนชาว พม่า พระเจดีย์ไจ้ทีโย (พระธาตุอินทร์แขวน) อยู่สูงจาก ระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร สาเหตุที่คนไทยเรียกพระธาตุอินทร์แขวน ก็เพราะมีการเล่าต่อๆกันมาว่าพระอินทร์เป็นคนนำก้อนหินนี้มาวางไว้ให้ ไจ๊ทีโย ในภาษามอญแปลว่า หินรูปหัวฤาษี ตามตำนานเล่าว่า พระพุทธเจ้าได้ประทานพระเกศาแก่เหล่าฤาษีเพื่อให้พุทธศาสนิกชนสักการะ ฤาษีแต่ละคนก็นำไปบรรจุในเจดีย์ต่างๆ แต่มีฤาษีตนหนึ่งแอบเก็บเอาไว้เองโดยซ่อนไว้ ในมวยผมเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อถึงคราวฤาษีต้องละสังขาร จึงมอบพระเกศานี้ให้แก่พระเจ้าติสสะและสั่งไว้ว่า จะต้องบรรจุลงในก้อนหินที่มีรูปร่างคล้ายศรีษะของตน เมื่อพระอินทร์ทราบเรื่องก็เลยช่วยพระเจ้าติสสะหาก้อนหินก้อนนี้โดยนำขึ้นมาให้จากใต้มหาสมุทร แล้วไปวางไว้ที่หน้าผา และอีกความเชื่อนึงเชื่อว่าเป็นที่มาและแรงบันดาลใจของ กวีซีไรส์ ปีพุทธศักราช 2534 มาลา คำจันทร์ ที่แต่งวรรณกรรมเรื่อง “เจ้าจันทร์ผมหอม นิราศพระธาตุอินทร์แขวน ท่าน จะได้สัมผัสกลิ่นอายพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงและบรรยากาศ ธรรมชาติที่สดชื่น และบริสุทธิ์ทั่วบริเวณอันกว้างขวาง ของลานพระธาตุอินทร์แขวนซึ่งให้ท่านได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ และนมัสการขอพรจากพระธาตุอินทร์แขวนอันศักดิ์สิทธิ์ ช่วงเวลาที่ดี : ไหว้ได้ตลอดทั้งปี แต่ในยามราตรี ที่มีแสงสีทองนวลตา เป็นความงดงามที่ยากเกินบรรยาย จึงมีนักท่องเที่ยวที่นิยมชมชอบการถ่ายภาพ เดินหามุมสวยๆ ผู้ชายเข้าไปปิดทองข้างในได้-ส่วนผู้หญิงให้รออยู่ด้านนอก เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้ปิดทองได้ถึงเวลา 22.00 น.
เย็น - บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 5)
ที่พัก KYAITHIYO HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า - บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 6)
ลงจากเขาไจ้เทียวโดยรถบรรทุก **ไม่รวมกระเช้าขาลงจากไจ้เทียว** เพื่อเปลี่ยนรถบัสคันเดิมกลับสู่เมืองหงสาวดีตามเส้นทางเดิมและตลอดสองข้างทางท่านจะได้เห็นทิวทัศน์อันงดงามยามเช้าวิถีการดำรงชีวิตของชาติพม่าเมื่อถึงหงสาวดี
พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว พระพุทธรูปไสยาสน์ที่มีความยาว 60 เมตร สูง 17 เมตร สร้างขึ้นโดยพระเจ้ามิคทิปปะ ในสมัยมอญเรืองอำนาจ มีพุทธลักษณะงดงาม ลักษณะพระบาทเหลื่อมพระบาทต่างจากพระพุทธไสยาสน์ของไทยที่นิยมวางพระบาทเสมอกันด้านหลังพระองค์มีภาพวาดที่สวยงามเมื่อครั้งก่อนพระพุทธรูปองค์นี้ถูกปล่อยให้ทรุดโทรมจนกลายเป็นเพียงกองอิฐท่ามกลางป่ารกจนถึงปี พ.ศ. 2424 เมื่ออังกฤษสร้างทารถไฟสาย 3 พม่าจึงได้พบพระนอนองค์นี้ จากนั้นในปี พ.ศ. 2491 หลังพม่าได้รับเอกราชก็มีการบูรณะ ปฏิสังขรณ์ใหม่ โดยทาสี และปิดทองใหม่จนกลายเป็นพระพุทธรูปที่สวยงามในปัจจุบันอีกทั้งยังสามารถเลือกซื้อของฝากอาทิ ไม้แกะสลัก เรือสำเภาไม้จันทร์หอม ผ้าปักพื้นเมือง ผ้าพิมพ์ลาย ผ้าพื้นบ้าน ฯลฯ
เที่ยง - บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 7)
กลับสู่ เมืองย่างกุ้ง มุ่งหน้าสู่สนามบิน มิงกะลาดง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.5 ชั่วโมง
ลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสารของเราเพื่อรับข้อเสนอหรือโปรโมชั่น