บันทึกนักเดินทาง
หยุดนี้เที่ยวเวียดนามเหนือ วันที่ 10-12 ส.ค. 57
เมื่อพูดถึง เวียดนาม หลายๆ ท่านก็คงจะรู้จักกันดีเพราะเป็นประเทศเพื่อนบ้านของเรานี้เอง ประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัลจากองค์การ ยูเนสโกมากมายประเทศเวียดนามได้รับ การขนานนามว่า เมืองผอม สาเหตุที่ได้รับชื่อว่าเมืองผอมนั้น มาจากแผนที่ประเทศเวียดนามนั้น 1. มีลักษณะเป็นตัวเอส(s) 2. ลักษณะบ้านสร้างแบบทรงสูงไม่กว้าง 3. รูปร่างคนเวียดนามนั้นผอมสูง จึงได้รับการขนานนามว่า เมืองผอม
และทริปนี้เราก็ได้ นำทุกท่านได้ไปสัมผัส มรดกโลกทางธรรมชาติ กับโปรแกรม ฮานอย – ฮาลอง 3วัน 2คืน เราออกเดินทางจากกรุงเทพ ไปยังสนามบิน นอยไบ กรุงฮานอย โดยสายการบินกาต้าร์แอร์เวย์ บนเครื่องก็จะเป็นอาหารแบบ snack box ใช้ระยะเวลา ประมาณ 2 ชั่วโมงคะ เราก็เดินทางถึง กรุงฮานอย เมืองหลวงของประเทศเวียดนาม ที่ตั้งอยู่ภาคเหนือ เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี นำท่านเดินทางข้ามแม่น้ำแดง แม่น้ำสายลอยฟ้าที่อยู่สูงกว่าตัวเมือง ท่านจะเห็นสะพานเหล็กแห่งแรกของเวียดนาม ที่ออกแบบโดยสถาปนิกเป็นคนเดียวกับที่ออกแบบ หอไอเฟลของฝรั่งเศส ปัจจุบันใช้เป็นเส้นทางเฉพาะรถไฟเท่านั้น กรุงฮานอย ในอดีตได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดในเอเชีย เรียกกันว่า “Little Paris” เป็นเมืองหลวงที่ได้รับการวางผังเมืองไว้อย่างดี มีทะเลสาบและแม่น้ำล้อมรอบเมือง เฉพาะกรุงฮานอยมีทะเลสาบมากกว่า 12 แห่ง จึงได้ชื่อว่า City of Lakes มีถนนหนทางที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ มีอาคารสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล (Colonial) ที่งดงามโดดเด่นมากกว่าเมืองใด ๆ ในอินโดจีน ปัจจุบันฮานอยยังเหลือรอยอดีตความรุ่งโรจน์ให้นักเดินทางได้ไปสัมผัสเสน่ห์ เมืองหลวงแห่งนี้อย่างไม่เสื่อมคลาย จากนั้น เราก็ออกเดินทางกันต่อไปยัง เมืองฮาลอง (Halong) (มีระยะทางห่างจากเมืองฮานอยประมาณ 170 กม. ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3.50 ชั่วโมง) เราก็นำทุกท่านรับประทานอาหารกันที่ร้านอาหารบางกอก เมืองฮาลอง เป็นเพียงแค่ชื่อร้านเท่านั้นนะค่ะ แต่อาหารรสชาดแบบจีนๆ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ก็นำ ทุกท่าน ผ่อนคลายกับการช็อปปิ้งกันที่ ตลาด night market บริเวณ อ่าวฮาลอง ตลาด night market เป็นตลาดที่ขายสินค้าจำพวก กระเป๋า ไม้แกะสลักต่างๆ หรือ ท่านไหน เหนื่อยๆ อยากนั่งพักตรงข้ามกับตลาดก็จะมี ร้านนั่งดื่ม น้ำชา และน้ำอ้อยคั้นสดกัน ได้บรรยากาศอีกแบบนะค่ะ
หลังจากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรม CROWN HOTEL ( โรงแรมระดับ 3 ดาว ) เป็นโรงแรมที่อยู่ใกล้กับอ่าวฮาลองเบย์เพียง 5 นาที เมนูอาหารเช้าของโรงแรมเป็น บุฟเฟ่ต์คะ และมีอาหารท้องถิ่นด้วย นั่นก็คือ เฝ๋อ เป็นอาหารเวียดนามชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายก๋วยเตี๋ยวของไทย แต่ต่างกันที่เส้น น้ำซุป และเครื่องเคียง และบางครั้งก็เรียกเป็น ก๋วยเตี๋ยว/กวยจั๊บ-เวียดนาม/ญวน
หลังจากนั้นเราก็ได้นำทุกท่านเดินทางไปยัง ท่าเรือ เพื่อที่จะนำทุกท่านล่องเรือ ชม อ่าวฮาลอง
ซึ่งอ่าวฮาลองแห่งนี้ได้รับรางวัลมรดกทางธรรมชาติจากองค์การยูเนสโก อ่าวฮาลอง หรือที่นิยมเรียกตามชื่อในภาษาอังกฤษว่า ฮาลองเบย์ เป็น อ่าวแห่งหนึ่งในพื้นที่ของอ่าวตังเกี๋ยทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ใกล้ชายแดนติดต่อกับประเทศจีน มีพื้นที่ทั้งหมด 1,500 ตารางกิโลเมตร และมีชายฝั่งยาว 120 กิโลเมตร อยู่ห่างจากกรุงฮานอยไปทางตะวันออก 170 กิโลเมตร ชื่อตามการออกเสียงในภาษาเวียดนามเขียนได้ว่า “Vinh Ha Long” หมายถึง “อ่าวแห่งมังกรผู้ดำดิ่ง” อ่าวฮาลองได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัย สามัญ ครั้งที่ 18 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2537 ที่ภูเก็ต ประเทศไทย อ่าวฮาลอง มีเกาะหินปูนจำนวน 1,969 เกาะ โผล่พ้นขึ้นมาจากผิวทะเล บนยอดของแต่ละเกาะมีต้นไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น อ่าวฮาลอง หมายถึง อ่าวที่มังกรโบราณเคยมาร่อนลงในอ่าวนี้ มีเรื่องเล่ากันต่อๆ ในอดีตนานมาแล้ว ระหว่างที่ชาวเวียดนามกำลังต่อสู้กับกองทัพชาวจีนรุกราน เทพเจ้าได้ส่งกองกำลังมังกรเข้ามาช่วยปกป้องแผ่นดินเวียดนาม มังกรเหล่านี้ได้ดำดิ่งลงสู่ท้องทะเลและได้พ่นอัญมณีและหยกพุ่งกระเด็นออก มากลายเป็นเกาะน้อยใหญ่ กระจายอยู่ทั่วอ่าวเป็นเกราะป้องกันผู้รุกราน ทำให้ชาวเวียดนามปกป้องแผ่นดินได้สำเร็จ และสำหรับ สัญลักษณ์ ของเกาะนี้ก็คือ ไก่จูบกันหรือไก่ชนกัน
หลายเกาะมีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ภายใน ถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณอ่าวคือ ถ้ำนางฟ้า ที่ได้รับมรดกโลกทางธรรมชาติ จากองค์การยูเนสโก้เมื่อปี พ.ศ. 2537 สัมผัสความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ได้แต่งแต้มด้วยเกาะหินปูนรูปร่างแปลกตา ภายในถ้ำท่านจะได้พบกับ หินงอก หิน
เราใช้เวลากว่าครึ่งวันในการล่องเรืออ่าวฮาลองแห่ง นี้ ระหว่างล่องเรือ เรานำท่านแวะเข้าไปชมถ้านางฟ้า ที่มีเรื่องเล่าว่า มังกรที่เข้ามาช่วยชาวเวียดนามนั้น ได้เข้าไปอยู่ในถ้ำแห่งนี้และไม่กลับขึ้นบนสวรรค์อีกเลยจนกระทั่งมีชาว เวียดนามไปหาปลาและเข้าไปพัก ณ ถ้ำแห่งนี้ก็ได้เห็น ผู้หญิงรูปร่างสวยมาก ชายหาปลาก็ได้กลับไปบอกต่อให้ชาวบ้านจนชาวบ้านได้บอกว่าเป็นนางฟ้าที่เข้ามา ช่วยปกป้องรักษา ชาวเวียดนามไว้ จนถึงปัจจุบันและได้ให้ชื่อว่า ถ้ำนางฟ้า และแวะชมเกาะไก่จูบกัน ระหว่างล่องเรือกลับเข้าฝั่ง เราให้ท่านรับประทานอาหารซีฟู๊ดบนเรือ พร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติโดยรอบเกาะ
หลังจากนั้นนำทุกท่านกลับเข้า ฝั่ง และเดินทางกันต่อกลับเข้าเมืองฮานอย ชมความสวยงามของตัวเมืองฮานอย เมื่อทุกท่านได้เข้าสู่ตัวเมืองฮานอยแล้ว ทุกท่านก็จะสังเกตเห็นบรรยากาศของเมืองฮานอยที่มีคนเยอะขึ้น รถเยอะขึ้น และนักท่องเที่ยวก็เยอะขึ้น เรา
นำทุกท่านไปชม ทะเลสาบคืนดาบ ทะเลสาบ ใจกลางเมืองฮานอย ทะเลสาบแห่งนี้มีตำนานกล่าวว่า ในสมัยที่เวียดนามทำสงครามสู้รบกับประเทศจีน กษัตริย์แห่งเวียดนามได้ทำสงครามมาเป็นเวลานาน แต่ยังไม่สามารถเอาชนะทหารจากจีนได้สักที ทำให้เกิดความท้อแท้พระทัย เมื่อได้มาล่องเรือที่ทะเลสาบแห่งนี้ ได้มีเต่าขนาดใหญ่ตัวหนึ่งได้คาบดาบวิเศษมาให้พระองค์ เพื่อทำสงครามกับประเทศจีน หลังจากที่พระองค์ได้รับดาบมานั้น พระองค์ได้กลับไปทำสงครามอีกครั้ง และได้รับชัยชนะเหนือประเทศจีน ทำให้บ้านเมืองสงบสุข เมื่อเสร็จศึกสงครามแล้ว พระองค์ได้นำดาบมาคืน ณ ทะเลสาบแห่งนี้ นำท่านข้าม สะพานแสงอาทิตย์ สีแดงสดใสสู่กลางทะเลสาบคืนดาบที่ได้ใช้เป็นสถานที่แสดงละครไทยเรื่อง ฮอยอันฉันรักเธอ มาแล้วด้วย จากนั้นก็เดินข้ามสะพานไป วัดหง๊อกเซิน วัด โบราณ ภายในประกอบด้วย ศาลเจ้าโบราณ และ เต่าสต๊าฟ ขนาดใหญ่ ซึ่งมีความเชื่อว่า เต่าตัวนี้ คือ เต่าศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 2 ตัวที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้มาเป็นเวลาช้านาน
หลัง จากนั้นก็ให้ทุกท่านได้มีเวลาในการเลือกซื้อของที่ตลาด 36 สาย เป็นตลาดที่มีของขายมากมาย ส่วนมากเป็นกระเป๋ารองเท้า ไม้แกะสลักมากมาย
หลังจากที่ได้ของฝากกลับบ้าน สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยถ้ามาที่เมืองฮานอยนี้ ก็เป็นการชมโชว์เชิดหุ่นกระบอก ที่บอกเล่าเรื่องราวของชาวเวียดนามที่ถ่ายทอดบอกเล่าโดยผ่านหุ่นกระบอก เรื่องราวในอดีตที่มีการแสดงโดยการ เชิดจากในน้ำผสมผสานกับเสียงบรรเลงของเครื่องดนตรีเวียดนามและพากย์สดๆ นำเสนอเรื่องราวในชีวิตประจำวัน ประเพณี วัฒนธรรมของชาวเวียดนาม และบอกกล่าวถึงเมืองหลวงฮานอยในอดีต
เมื่อชมโชว์เสร็จเราก็เดินทางเข้าสู่ที่พัก เราพักที่โรงแรม DELIGHT HOTEL เป็นโรงแรมในย่านตลาด 36 สาย
สำหรับวันนี้เราจะพาทุกท่านไป อีกสถานที่ที่สำคัญ เมื่อพูดถึง ท่านผู้นี้ ทุกคนในเวียดนามจะรู้จักกันดี เพราะท่านได้เป็นเหมือนเทพ ที่คอยมาปกป้องช่วยเหลือชาวเวียดนามมาตลอดและทุกคนก็ให้ความเคารพนับถือท่าน ชาวเวียดนามเมื่อไม่สบายใจก็นึกถึงท่าน ถือได้ว่า ท่านผู้นี้เป็นเหมือนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวเวียดนาม นั่นก็คือ ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ หรือที่ชาวเวียดนามเรียกว่า บั๊กโฮ ซึ่งแปลว่าลุงโฮ ฯ นั้น ถือเป็นรัฐบุรุษอันดับหนึ่งของชาวเวียดนามตลอดกาล เพราะ โฮจิมินห์ เป็นแกนนำสำคัญในการปลดแอกเวียดนามจากการยึดครองของฝรั่งเศส และในเวลาต่อมาก็ยังเป็นผู้ที่สามารถรวมเวียดนามเหนือ-ใต้ ให้กลายเป็นประเทศเวียดนามเพียงหนึ่งเดียวโดยสมบูรณ์ในสงครามเวียดนามอีก ด้วย เราจะพาทุกท่านไปเคารพศพ ท่านกัน เพราะร่างของ ลุงโฮ นั้นได้อาบนำยาที่ไม่
มี วันเน่าเสีย ในการเข้าไปเคารพศพนั้น ก็มีกฎง่ายๆ เลยก็คือ การแต่งกาย การใส่กางเกงกระโปรง ให้เลยเข่าลงไป และ ไม่ให้นำกล้อง กระเป๋าเข้าไปข้างใน นะค่ะ
แล้วเราก็ได้ เดินชมสถานที่ต่างๆ ในบริเวณนี้ ซึ่งจะมี ทำเนียบประธานาธิบดี ทาด้วยสีเหลืองทั้งหลัง ปัจจุบันใช้เป็นที่รับรองแขกบ้านแขกเมือง พี่ไกด์ได้เล่าว่า ในสมัยก่อน ลุงโฮไม่ยอมมาพักอยู่ที่นี้เพราะเป็นหลังใหญ่อยู่คนเดียวก็สิ้นเปลืองงบ ประมาณ ท่านก็เลยให้คนไปสร้างบ้านพักอีกหลังหนึ่งเป็น บ้านพักของโฮจิมินห์ ที่เคยพำนักอยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2501-2512 บ้านพักสร้างด้วยไม้ทั้งหลังยกพื้นสูง สาเหตุที่ท่านสร้างบ้านไม้ทรงไทยก็เพราะในสมันก่อนที่ท่านได้หนีภัยได้เข้า มาที่ประเทศไทย รัฐบาลไทยได้ให้การช่วยเหลือเป็นอย่างดีท่านก็เลยสร้างบ้านไม้ทรงไทย และมีใต้ถุนบ้านไว้ใช้สำหรับว่าราชการและสอนหนังสือให้กับเด็กๆ จากนั้นเราก็ไปขอพรกันต่อที่วัดเจดีย์เสาเดียว เรียกอีกชื่อว่า วัดแห่งรัก สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง เป็นศาลาเก๋งจีนหลังเดียวขนาดเล็ก ตั้งอยู่บนต้นเสาเดียวปักอยู่ในสระบัวขนาดกลางรูปสี่เหลี่ยม ภายในประดิษฐานรูปเจ้าแม่กวนอิมปางแสดงอภินิหารมี 10 กร แต่ละมือถือของมงคลรวม 8 อย่าง
หลังจากนั้นเราก็เดินทางกันต่อเพื่อไปรับประทานอาหารกันที่ร้านอาหาร นานาชาติปุฟเฟต์เซน เป็นร้านอาหารที่รองรับนักท่องเที่ยวมีอาหารมากกว่า 200 อย่างให้ท่านได้เลือกรับประทานอาหารกันก่อนเดินทางกลับประเทศไทย
ทัวร์เวียดนาม_17.jpg”>
หลังจากได้ของฝากติดไม้ติดมืออิ่มหนำสำราญกับอาหารมื้อพิเศษ แล้วก็ออกเดินทางไปยังสนามบินฮานอยเพื่อที่จะเดินทางกลับประเทศไทย และสุดท้ายนี้ ตัวผู้เขียนเองต้องขอขอบคุณไกด์ท้องถิ่นที่ได้ให้ความรู้ในสถานที่ต่างๆ และขอบคุณลูกทัวร์ทุกท่านที่น่ารัก ขอขอบคุณ บริษัททัวร์ที่ได้ให้ความไว้วางใจในให้เราได้บริการลูกค้าในครั้งนี้ และหวังว่า โอกาสหน้า SPIRIT OF THE WOTLD คงจะได้ให้บริการในทริปต่อไปนะค่ะ
BY.. น้องวิ SPIRIT
ลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสารของเราเพื่อรับข้อเสนอหรือโปรโมชั่น